Wednesday, September 16, 2015

Welcome to Bitter English

Welcome to Bitter English 
สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับสู่ภาษาอังกฤษแสนขม ภาษาที่เรียนมานานเท่าไหร่ก็ยังพูดไม่ได้ ฟังไม่ออกซะที บล็อคที่จะช่วยเติมเต็มประสบการ์ภาษาอังกฤษของคุณให้มากขึ้นและเปลี่ยน bitter English ให้เป็น Better English

ทำไมภาษาอังกฤษถึงขม?
นักเรียนส่วนมากมักจะตอบว่า ภาษาอังกฤษมีคำศัพท์เยอะ grammar ก็ยาก แต่ถ้าถามวัยทำงานเค้าก็จะบอกว่า กลัวผิด กลัวหน้าแตก กลัวฝรั่ง สาระพัดจะกลัว ต่างคนก็ต่างเหตุผลค่ะ

ถ้าจะให้วิเคราะห์จากประสบการณ์ ก็ขอฟันธงว่า..อันดับที่ 1 เป็นเพราะขาดการฝึกฝนค่ะ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทักษะค่ะ ต้องใช้บ่อย เห็นบ่อย อ่านบ่อย ถึงจะเก่งและใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว ถามอะไรก็ตอบได้เหมือนอับดุล การฝึกบ่อยๆยังทำให้เรามีความกล้าและมั่นใจมากขึ้นเวลาใช้ภาษาอังกฤษ

รองลงมาคือความกลัวค่ะ กลัวผิด กลัวเพื่อนหัวเราะ กลัวคนอื่นมองว่ากระแดะพูดภาษาฝรั่ง อันนี้ต้องเปิดใจให้กว้างและยอมรับความเป็นจริงที่ว่าไม่มีใครเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่แล้วจะสปีคอิงลิช (speak English) ได้คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษา ทุกคนต้องผิดมาก่อนทั้งนั้นค่ะ เหมือนที่เค้าว่า "ผิดเป็นครู" ฉะนั้น การทำผิดไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไปค่ะ

ฝึกษาอังกฤษอย่างไรดีล่ะ
ในยุคเทคโนโลยีนี้ เราสามารถเข้าถึงภาษาอังกฤษได้ง่ายมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต หนังสือ ภาพยนตร์ เพลง โทรศัพท์ แล้วแต่จะเลือกเลยค่ะ

     1. สำรวจความชอบของตัวเอง เริ่มจากสิ่งที่ชอบก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ เหมือนเราได้ออกแบบการเรียนในแบบที่เราชอบ ใครชอบทำอาหาร ก็ลอง search หาสูตรอาหารเป็นภาษาอังกฤษ อ่านไม่ได้ แปลไม่ออกก็ให้ดิกชินารี่ (dictionary) ช่วยค่ะ ครั้งแรกอาจจะต้องใช้ dictionary เยอะหน่อย แต่รับรองค่ะว่า สูตรอาหารอันที่ 2-3-4 หรืออันต่อๆไป ทำอ่านง่าย อ่านไวขึ้น เพราะเราจะเจอคำศัพท์ซ้ำๆเดิมๆ ที่เกี่ยวกับการทำอาหารค่ะ

     ถ้าใครชอบดูภาพยนตร์ก็ลองเปลี่ยนจากพากย์ไทยเป็นเสียงในฟิลม์ (soundtrack) ค่ะ จะได้ซึมซับภาษาอังกฤษเข้าไปด้วย ได้ประโยคสั้นๆก็ยังดีค่ะ ชอบฟังเพลงก็ลองหาเพลงป๊อบฟังง่ายๆ (easy listening pop music) มาฟังแล้วร้องตามก็สนุกค่ะ เพลงไหนที่ชอบมากก็ลอง search หาเนื้อเพลงแล้วแปลความหมายก็ดีค่ะ อันนี้จะได้คำสแลงแล้วก็สำนวนค่ะ

     2. มีวินัย ให้เวลากับภาษาอังกฤษ การเรียนภาษาต้องใช้เวลาค่ะ ลองนึกถึงตอนเราเป็นเด็กซิค่ะ กว่าจะพูดได้ต้องฟังคุณพ่อคุณแม่พูดมานานตั้งกี่ปี กว่าเราจะพูดได้ กว่าจะใช้ภาษาได้ถูกต้องก็ยังใช้เวลาเลยค่ะ ฉะนั้น เรียนภาษาอังกฤษก็ต้องใช้เวลาเช่นกันค่ะ ถ้าอยากจะฝึก ไม่ว่าจะใช้เวลาใด หรือรูปแบบใดก็ตาม ขอให้ทำสม่ำเสมอค่ะ ควรตั้งจุดมุ่งหมายไว้ค่ะว่า วันนี้/สัปดาห์นี้ ฉันจะทำอะไรให้ได้ แล้วจะใช้เวลาฝึกเท่าไหร่ ตั้งเป้าหมายสั้นๆ เพื่อเราจะได้มีกำลังใจและภูมิใจเมื่อบรรลุเป้าหมาย

     3. เรียนง่ายๆก็ได้นะตัวเธอ ไม่ต้องกลัวใครล้อว่าโตแล้วแต่ยังอ่านหนังสือเด็กอยู่อีก หรือว่าเรียนอะไรน่ะ ง่ายจัง การอ่านหนังสือเด็กหรือฟังเพลงเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องแย่ค่ะ เพราะจะทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนต่อไป แต่ก็ไม่ใช่จะทำอะไรง่ายๆตลอดเวลานะคะ อย่างนั้นเราก็จะไม่พัฒนา ขอแนะนำสูตร -1,0,+1 ค่ะ อันนี้ไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์นะคะ
          -1 คือ ระดับภาษาที่ง่ายกว่าความสามารถของเรา 1 ระดับ เพื่อทบทวนความรู้และให้กำลังใจตัวเอง
           0 คือ ระดับภาษาที่เท่ากับความสามารถของเรา เพื่อรักษาระดับของตัวเองไม่ให้น้อยลงไป
          +1 คือ ระดับภาษาที่ยากกว่าความสามารถของเรา 1 ระดับ เพื่อท้าทายความสามารถของเราค่ะ

    4. ใช้ภาษาอังกฤษเมื่อมีโอกาส เราอยู่ในประเทศไทย คุยกับใครหรือทำอะไรก็ใช้ภาษาไทย ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสต้องฝึกค่ะ ถ้าเจอฝรั่งมาทักก็อย่าหนีนะค่ะ ตั้งสติ ฟังเค้าก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆค่อยถอยไปตั้งหลักค่ะ จริงๆแล้ว แค่พูดประโยค basic เช่น How are you? What's your name? Where are you from? ก็ได้ค่ะ ฝึกอะไรง่ายๆ แต่ออกเสียงได้ถูกต้อง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ เราถามแบบเดิมก็จริง แต่สถานการณ์และคำตอบมันเปลี่ยนไปค่ะ เราก็จะได้ฝึกฟัง และจะได้จำคำตอบของคู่สนทนาไปใช้ได้ด้วย

     5. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น สรุปคือต้องฝึก ฝึก ฝึก และฝึกค่ะ

เรามาฝึกภาษาอังกฤษด้วยกันนะคะ แล้วเปลี่ยน Bitter English (ภาษาอังกฤษแสนขม) 
ให้เป็น Better English ภาษากฤษที่ดีกว่า กันค่ะ 

No comments:

Post a Comment